เปลี่ยนยางใหม่ ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจทุกเส้นทาง


ยางรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์สามารถเกาะถนน และทรงตัวได้ดี ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 5-6 ปี หากยางรถยนต์มีอายุการใช้งานนานเกินกำหนด อาจเกิดการสึกหรอ ที่ไม่เสมอกัน และแตกหักได้ง่าย ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้



จากกรณีศึกษา " อุบัติเหตุที่คู่รักคู่หนึ่งขับรถกลับบ้านจากงานเลี้ยงสังสรรค์ เมื่อมาถึงทางโค้ง ฝ่ายชายเบรกรถอย่างกะทันหันเพื่อหลบรถที่วิ่งสวนมา ทันใดนั้น ยางรถก็เกิดการลื่นไถล และเสียการควบคุม รถยนต์พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรง


จากการสอบถามพนักงานสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักของอุบัติเหตุครั้งนี้ เกิดจากการที่ยางรถมีอายุการใช้งานมานานเกินกำหนด ยางรถเกิดการสึกหรอ และแตกหัก ทำให้ไม่สามารถเกาะถนนได้ ส่งผลให้รถยนต์เสียการควบคุม และเกิดอุบัติเหตุ


คู่รักคู่นี้รู้สึกเสียใจ และเสียดายรถยนต์มาก พวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนยางรถใหม่ทันที เมื่อเปลี่ยนยางรถใหม่แล้ว ทั้งคู่รู้สึกมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น พวกเขาขับรถกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย


เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนยางใหม่ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย หากยางรถยนต์มีอายุการใช้งานนานเกินกำหนด ยางอาจเกิดการสึกหรอ และแตกหักได้ง่าย ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ "



ดังนั้น : จึงควรเปลี่ยนยางรถใหม่ทุก 5-6 ปี หรือเมื่อยางรถยนต์มีอาการผิดปกติ เช่น ดอกยางสึกหรอไม่เท่ากัน ยางบวมหรือแตก เป็นต้น


นอกจากการเปลี่ยนยางใหม่ เจ้าของรถยนต์ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่



วิธีตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์

• ตรวจสอบดอกยางว่าสึกหรอไม่เท่ากันหรือไม่ หากดอกยางสึกหรอไม่เท่ากัน แสดงว่ายางรถยนต์เกิดการสึกหรอ ควรเปลี่ยนยางใหม่


• ตรวจสอบยางว่ามีรอยแตกหรือบวมหรือไม่ หากมีรอยแตกหรือบวม ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที


• ตรวจสอบระดับลมยางให้เหมาะสม ระดับลมยางที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน


• ตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ แรงดันลมยางที่เหมาะสมจะช่วยลดการสึกหรอของยางรถยนต์


• เจ้าของรถยนต์ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่




อัพเดตข้อมูล : 23 ก.ย. 2566 03:55 : 412